Loader

ทวงคืนศักดิ์ศรี

เริ่มโดย ข่าวสดกีฬา, พ.ค 13, 2022, 01:41 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป


ทีมช้างศึกไทยกับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2021 ได้ลงสนามดวลแข้งกับทีมเพื่อนบ้านให้แฟนลูกหนังได้ยลโฉมไปแล้วสองเกม

ซึ่งเกมแรกอาจจะเปิดหัวไม่สวยนัก แต่ในเกมที่สองก็สามารถกลับมาผนึกพลังร่วมคืนฟอร์มอันร้อนแรง ถล่มประตูคู่ต่อกรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

และจากผลงานที่ปรากฏ คงจะทำให้คอลูกหนังพอจะวิเคราะห์ได้ว่านักเตะยังเติร์กชุดนี้พอที่ฝ่าด่านผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ได้หรือไม่

เหนืออื่นใดคือการทวงคืนศักดิ์ศรี และนำความสุขมาสู่ชาวไทยทั้งประเทศด้วย โจทย์และการบ้านที่ต้องแบกรับวันนี้ เชื่อว่าจากผลงานการทำศึกสองเกมที่ผ่านมา ทีมงานภายใต้การนำของ "นางฟ้าลูกหนัง" มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ และมาโน โพลกิง คงจะทราบและถอดบทเรียนเพื่อนำไปปรับเพื่อให้ลูกทีมเดินหน้าไล่ล่าหาความสำเร็จกันต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงทีมช้างศึกกับการดวลแข้งในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ เชื่อว่าแฟนลูกหนังทั้งประเทศคงจะมีความเชื่อและคาดหวังเหมือนกันว่าทีมชาติไทยต้องเป็นเต้ย หรือเป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้

แต่ทั้งนี้หากย้อนกลับไปที่ฟิลิปปินส์เกมส์ 2019 ครั้งนั้นใครจะเชื่อว่านักเตะจากแดนสยามเมืองยิ้ม ภายใต้การกุมบังเหียนของยอดโค้ชจากแดนปลาดิบ จะทำให้แฟนๆ เริงร่าไม่ออก เพราะทีมที่ทุกคนคาดหวัง และมีโอกาสที่จะสร้างความสุขให้คนไทย ต้องตกรอบแรกไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง

และต่อกรณีที่ทีมช้างศึกร่วงรอบแรกไปไม่ถึงฝั่งฝันในครั้งนั้น วันนี้หากมีการกระชับวงล้อมปันความคิดในมิติเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ เชื่อว่าในวงสนทนาดังกล่าว คงไม่มีใครอยากจะให้เหตุการณ์ ณ วันนั้นกลับมาหลอนคนไทยอย่างแน่นอน

คำถามจึงมีอยู่ว่า ทำอย่างไรที่จะไม่ให้แฟนกีฬา หรือคอบอลทั่วแดนต้องสัมผัส หรือประสบกับสภาวการณ์การหลอกหลอนดังในอดีต โดยเฉพาะภาพที่เห็นนักเตะพร้อมทีมงานต้องเดินคอตกออกจากสนามโดยไม่มีเหรียญทองคล้องคออีกต่อไป

จากคำถามข้อนี้จึงมีโจทย์ต่อไปว่า แล้วใคร หรือหน่วยงานใดที่ต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการภายใต้การถอดบทเรียนจากอดีต เพื่อผลักดันแผนกลยุทธ์ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ต่อประเด็นนี้เชื่อว่าผู้สันทัดกรณีคงมีคำตอบในใจ

แต่ในการทวงคืนศักดิ์ศรีครั้งนี้ (ขอขีดเส้นใต้ตัวหนา) สมมติว่าทีมช้างศึกไทยไปไม่ถึงฝั่งฝัน ใครคือ "แพะ" หรือผู้ที่ต้องแอ่นอกออกมารับก้อนอิฐอย่างแมนๆ แต่ถ้าจะบอกว่า ต้องผู้จัดการทีม สตาฟฟ์โค้ชและนักเตะ คำตอบนี้คงผิดถนัดเพราะ

เหตุผลรองรับที่กล่าวว่าแพะไม่น่าจะใช่ทีมงานภายใต้การนำของผู้จัดการทีมคนสวยที่ต้องเอาบ่าเข้าไปแบกรับเพื่อคนไทย และที่สำคัญเขาเหล่านั้นคือผู้มารับงานในช่วงกลางทาง และประสบกับสภาวการณ์ท่ามกลางแห่งขวากหนามแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระยะเวลาการเตรียมทีม รวมทั้งสุดยอดนักเตะคุณภาพที่ติดเงื่อนไขไม่สามารถรับใช้ชาติได้

จากปรากฏการณ์และมิติเดิมๆ ที่แฟนลูกหนังต่างพบเห็นกับการเตรียมทีมชาติไทย ดังนั้นใครที่เคยลั่นวาจาว่าถึงเวลาที่ช้างศึกไทยต้องก้าวข้ามอาเชียน เพื่อทะลุกับดักไปสู่ระดับทวีป และระดับโลกนั้น อาจจะเป็นเพียง "มโน" หรือ "ภาพหลอน" ก็ว่าได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพูดถึงนักเตะที่มีฝีเท้าและสตาฟฟ์โค้ชส่องแล้วว่าเขาคือผู้ที่มีศักยภาพสามารถเป็นหนึ่งในผู้ที่ควรมีธงไตรรงค์ติดที่หน้าอกเสื้อไปทำหน้าที่รับใช้ชาติในครั้งนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เงื่อนไขของวิถีฟุตบอลอาชีพ จึงทำให้หลายคนต้องชวดโอกาสในการได้รับเกียรติเพื่อชื่อเสียงของตนเองและวงศ์ตระกูล

และยิ่งไปกว่านั้นทีมชาติไทยภายใต้ความรับผิดชอบของมาดามแป้งนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าในหมู่ผู้เกี่ยวข้องว่าด้วยความพร้อมในมิติที่เธอมี และพร้อมที่จะทุ่มเพื่อวงการ โดยเฉพาะประเทศชาติ นักเตะล้วนแล้วแต่อยากเข้ามาติดทีมทั้งสิ้น เพราะอย่างน้อยรางวัล หรือเงินอัดฉีดที่ผู้จัดการทีมมอบให้อาจจะมากกว่าต้นสังกัดเสียด้วยซ้ำ

มาถึงวันนี้เมื่อนักเตะช้างศึกต้องเข้าร่วมประลองแข้งเพื่อพิสูจน์ศักดา หรือเชิงชั้นกับทีมต่างแดนย่านอาเซียนในแดนดาวทอง แน่นอนแฟนลูกหนังซึ่งเปรียบเสมือนผู้เล่นคนที่ 12 คงจะตั้งความหวังว่าทีมช้างศึกภายใต้การผนึกพลังร่วมของนักเตะยังเติร์กและรุ่นพี่ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝัก

โดยมี "โค้ชสไตล์จอมบุก" มาโน โพลกิง เป็นทัพหน้า และมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นทัพหลัง น่าจะทวงคืนศักดิ์ศรีพร้อมกับสร้างความสุขให้กับคนไทยอีกวาระหนึ่ง

อย่างไรก็ตามศึกครั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าถ้าฟุตบอลชายสามารถคว้าแชมป์ด้วยการกระชากเหรียญทองมาคล้องคอได้ย่อมจะยิ่งใหญ่และมีค่ามหาศาล ทั้งนี้ต้อง "ขออภัย" ถ้าจะกล่าวว่าเหรียญทองเหรียญนั้นอาจจะมีคุณค่ามากกว่าการเป็นเจ้าซีเกมส์เสียด้วยซ้ำ ก็อาจจะเป็นได้

เมื่อพูดถึงความหวังและโอกาสกับการจะคว้าแชมป์ในซีเกมส์ครั้งนี้ก็คงจะต้องส่องไปที่ผลการสำรวจความคิดเห็นแฟนกีฬา ซึ่ง KBU SPORT POLL โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยดำเนินการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่าง หรือแฟนกีฬาส่วนใหญ่ต่างสนใจที่จะติดตามการแข่งขัน และเชื่อว่าทีมช้างศึกมีโอกาสค่อนข้างมากกับโอกาสในการหยิบเหรียญทองมาครองได้

แต่เมื่อเข้าไปดูในมิติที่โพลถามว่า ขวากหนาม หรือทีมที่น่าเกรงขามของช้างศึก พบว่านักเตะสกุลเหงียน หรือนักเตะดาวทองในฐานะแชมป์เก่าเป็นเต็งหนึ่ง ตามด้วยนักเตะอิเหนาอินโดนีเซียยังเป็นทีมที่เราต้องฝ่าฟันและข้ามไปให้ถึงฝั่งฝัน

พร้อมกันนั้นแฟนกีฬายังสะท้อนให้เห็นอีกว่า ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอันดับแรกยังเทไปที่สมรรถนะและความสามารถของนักเตะ ตามด้วยระยะเวลาในการเตรียมทีม และเหนืออื่นใดผู้เขียนเชื่อว่าด้วยความุ่งมั่นของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชและผู้จัดการทีมจอมทุ่มเทโอกาสและความหวังที่แฟนลูกหนังชาวไทยจะสุขและสมหวังคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกว่าที่ช้างศึกชุดนี้จะเดินไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังได้ นักเตะและทีมงานต้องพิสูจน์การบรรเลงเพลงแข้งในรอบแรกให้เข้าตาเสียก่อน จึงจะบ่งบอกได้ว่าฝีเท้าพอจะเป็นหนึ่งในอาเซียน และพร้อมกับการทวงคืนศักดิ์ศรีได้หรือไม่

ดังนั้นเมื่อโอกาสและเวลาเดินทางมาให้ทวงคืนศักดิ์ศรีเพื่อแฟนกีฬาและคนไทยทั้งประเทศ เชื่อว่าเหล่านักเตะและทีมงานที่เป็นตัวแทนชาวไทยไปสู้ศึกคงจะได้เดินหน้ามุ่งมั่นฝ่าฟันเพื่อก้าวไปให้ถึงเป้าหมายดังที่คนในชาติต่างคาดหวัง

-----------------

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

สาเหตุที่ทีมชาติไทยของเราไปไม่ถึงไหน..อย่างทุกวันนี้

ส่วนหนึ่งคืออุปนิสัยของแฟนบอล (บางจำพวก) ที่ชอบหา "แพะ" อยู่รำ่ไป

เวลาบอลไทยไม่ประสบความสำเร็จ..ในทัวร์นาเมนต์ใดก็ตาม 

แทนที่จะช่วยกันติเพื่อก่อ หาข้อผิดพลาดมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้วันข้างหน้าดีขึ้น

อยากเห็นซีเกมส์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการให้กำลังใจซึ่งกันและกันของคนในชาติ

ทีมลูกหนังไทยจะสมหวังดังเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่ เป็นเรื่องคาดเดาลำบาก

เอาเป็นว่าตอนนี้ มาช่วยกันรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เชียร์ทีมชาติไทย ทวงคืนศักดิ์ศรี ในศึกซีเกมส์คืนมาก่อน

แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน !!!