Loader

เอริกเทนฮาก ความหวังใหม่จากแดนกังหันลม

เริ่มโดย สปอร์ตใจดี, เม.ย 22, 2022, 03:20 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป


บอลสไตล์เป๊ปกำลังจะเกิดขึ้นที่โรงละคร

   อย่างเป็นทางการครับ....แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง เอริก เทน ฮาก

    คุมทีมตั้งแต่สิ้นสุดฤดูกาลนี้เป็นต้นไป

    สัญญาจนถึงปี 2025 พร้อมเงื่อนไขเพิ่มอีกหนึ่งปี

    โดยแมนฯยูฯ จ่ายค่าชดเชยให้อาแจกส์ไม่ถึง 2 ล้านปอนด์ (สื่ออังกฤษคาดการณ์)

    นั่นหมายความว่า เทน ฮาก โค้ชวัย 52 ปีที่กำลังจะกลายเป็นอดีตโค้ชอาแจกส์ มีเวลาให้พลิกผลันสถานการณ์ของแมนฯยูไนเต็ดภายใน 3 ฤดูกาลนับจากมิ.ย. 2022 

    ประเด็นคือแฟนผี "อดทน" รอความก้าวหน้าได้นานขนาดไหนกัน

    ในเมื่อแชมป์ 20 สมัยค้ำคออยู่

    แฟนแมนฯยูฯ มักพูดอยู่เสมอว่า "ถ้าเล่นบอลมีทรง" หรือ "ดูแล้วมีแวว" ก็คงไม่ส่งเสียงวิจารณ์หรอกทั้ง เดวิด มอยส์, ฟานกัล, มูรินโญ่, โซลชา ล่าสุดรอชมผลงานของ เทน ฮาก อันเป็นผลผลิตจาก "ดัชท์ ลีก" คนที่สองต่อจากอาจารย์หลุยส์

    เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์งานใหม่ของเขาว่า...

    "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด ผมรู้สึกตื่นเต้นต่องานท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า"

    "ผมรู้ประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้และความกระหายของแฟนบอล ผมมีความตั้งใจอย่างแท้จริงเพื่อพัฒนาทีมให้มีความสามารถพร้อมที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับมัน"

    #พลิกแฟ้มเทนฮาก

    ในฐานะที่ผมนั่งบรรยายบอลดัชท์มาสองสามปีทางทรีบีบี ของโมโน พอจะเห็นแนวทางการคุมทีมของ เอริก เทน ฮาก บวกกับข้อมูลจากแหล่งข่าวเพื่อนชาวดัชท์ของผมที่ส่งให้เป็นระยะต่อมุมมองของสื่อฮอลแลนด์ถึงเรื่องนี้ พอจะสังเคราะห์เรื่องราวของ เทน ฮาก ให้อ่านกันเพลินๆครับ

    เทน ฮาก พื้นเพเป็นคนฝั่งตะวันออกของฮอลแลนด์ ละแวกชายแดนฮอลแลนด์-เยอรมัน ที่เมือง ฮาคเบอร์เก้น เมืองขนาดเล็กประชากรไม่ถึง30,000 คน ฝั่งนั้นทีมบอลที่ดังสุดคือ เอฟซี ทเวนเต้ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพาทีมนี้คว้าแชมป์ดัชท์ ลีก ในฐานะมือขวาของ สตีฟ แมคลาเรน เมื่อซีซั่น 2009-10

    สมัยเป็นนักบอลอาชีพเขาเล่นกับทีมละแวกบ้านเกิดคือ ทเวนเต้ ช่วงสั้นๆ ก่อนย้ายไปทีมขนาดเล็ก เดอ กราฟชาป, อาร์เคซี วัลไวจ์ค ,อูเทรคต์ ก่อนมาเป็นตัวหลักของ ทเวนเต้ ถึง6 ปีจนแขวนสตั๊ด

    นับว่าเขาเล่นบอลระดับดัชท์ ลีก ตลอด 13 ปี ในหลายตำแหน่งหลักๆคือ "เซนเตอร์ฮาล์ฟ" แบ๊กสองข้างก็พอไหว โค้ชจับให้เล่นก็เล่น ส่วนมิดฟิลด์ตัวกลางก็เล่นได้เช่นกัน "นักเตะอเนกประสงค์"  ที่สำคัญเขาเหมือนเป็นปากในสนาม หรือเป็นโค้ชแทนโค้ช เขาชอบกระตุ้น ตะโกนสั่งเพื่อนร่วมทีมเหมือนกันกับว่าเป็น "กัปตันทีม"

    ผมน่าจะเคยเขียนแล้วไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าในเพจหรือน.ส.พ. สตาร์ซอกเกอร์ แต่เป็นที่ทราบกันว่าเขาคือนักเตะกองหลังที่ผลงานใช้ได้คนหนึ่งคนหนึ่งเพียงแต่ในยุคของเขาติดทีมชาติฮอลแลนด์ยากเพราะมี แดนนี บลินด์ (พ่อของดาเลย์ บลินด์), แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ,ยาป สตัม ถ้าแบ๊กก็พวก มิเชล ไรซีเกอร์,�วินสตัน โบการ์เด (มือขวาของเขาทั้งสองคนที่อาแจกส์)  ยืนขวางทางอยู่....

    พอเลิกเล่นบอลเขาจับงานโค้ชทันที เรียนจนจบยูฟา โปรไลเซนส์ เริ่มทำงานกับการเป็นสตาฟโค้ช, หัวหน้าผู้ฝึกสอน, ผู้ช่วยโค้ช ที่ทเวนเต้ และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ก่อนคุมทีมอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับ โก อเฮด อีเกิ้ลส์ ปี 2012 เขาพาทีมเลื่อนชั้นมายังพรีเมียร์ดัชท์ แต่แทนที่จะทำงานต่อเขากลับเลือกไปคุมทีมสำรองบาเยิร์น มิวนิค ในยุคที่มี เป๊ป กวาร์​ดิโอล่า เป็นโค้ชใหญ่ของเสือใต้ ที่นั่นเขาได้ทำงานและเรียนรู้สไตล์ของ เป๊ป ที่เขาชื่นชอบ

    เทน ฮาก เคยให้สัมภาษณ์ช่วงที่เขาคุมอาแจกส์เมื่อสองสามปีก่อนว่า

    "ผมเรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยจาก กวาร์ดิโอล่า แนวทางการทำงานของเขากับบาร์ซา,บาเยิร์น, แมนฯซิตี้ นั้นสุดยอดในฟุตบอลเกมรุก ผมเองพยายามเรียนรู้และนำมาปรับใช้ไปกับอาแจกส์"

    จากบาเยิร์น สำรอง "แชมป์ลีกภูมิภาค" เขากลับมาคุมทีมอูเทรคต์ พาทีมจบอันดับสี่ ได้ไปเตะบอลสโมสรยุโรป พร้อมรับตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี จากนั้นอาแจกส์ มาดึงตัวเขาคุมทีมปี 2017 แทน

    อาแจกส์ภายใต้การทำงานของเขากลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง แชมป์ลีกสองครั้ง ถ้าปีโควิดมีการประกาศแชมป์ก็สาม แชมป์บอลถ้วย เข้ารอบรองชนะเลิศยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก เกือบชิงชนะเลิศกับลิเวอร์พูลปี 2019 แล้ว (เสร็จสเปอร์​สซะก่อน)

    งานที่แมนฯยูไนเต็ด

    ข่าวเชิงลึกจากสื่อหลักหลายฉบับรายงานตรงกันว่าเขาจะมีอำนาจเรื่องการซื้อและขายด้วย ร่วมตัดสินใจ ไม่ปล่อยให้ซื้อมาใช้หรืออยากขายใครก็ได้ เขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

    รวมทั้งการที่เขาเคยเป็นหัวหน้าโค้ชมาก่อน เขาจะลงมือคุมทีมซ้อมด้วยตัวเองไม่ใช่ให้ผู้ช่วยหรือมือขวาเดินการซ้อมให้ เงื่อนไขหลายอย่างที่เขามองว่ามันเป็นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำกับทีมบอล เขาต้องได้รับสิ่งนั้น ซึ่งจุดนี้คงเป็นจุดที่ทีมบริหารและทีมเทคนิคของ แมนฯยูไนเต็ดทั้ง จอห์น เมอร์เถ่อะ ผ.อ. เทคนิคและ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ผ.อ.กีฬา ต้องร่วมกันทำงานกับเขาที่เกี่ยวกับฟุตบอล "ทุกเรื่อง"

    สไตล์...แฟนผีสบายใจได้บอลยี่ห้อดัชท์ ผสมสเปน ใครที่ตามบอลฮอลแลนด์​กับบอลลา ลีกา คงนึกภาพออกนะครับว่า บอลสองลีกนี้มีความคล้ายกันในเรื่องวิธีการเล่น นั่นคือบอล "พาสซิง" เน้นการครองบอลด้วยการพาสซิง โอเค อาจารย์หลุยส์ ทำให้แฟนผีวิจารณ์มาแล้ว เอาแต่ครองบอลแต่ไม่ยิงประตู จุดนี้รอดูนะครับว่า เทน ฮาก นั้นแตกต่างในเรื่องพาสซิง ที่มาพร้อมเพรสซิงแดนบน ,แดนสอง อย่างไร

    ระบบ 4-3-3 เป็นหลักครับ ยี่ห้อบอลดัชท์และบาร์เซโลนาของ เป๊ป และตำนาน เทวดาลูกหนังอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ที่ปฏิรูปบาร์เซโลนาอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งเมื่อตอนเป็นนักบอลและโค้ช (เป็นโค้ชยิ่งใหญ่กว่า) ด้วยบอลเกมรุกแบบนี้แหละ

    เทน ฮาก จะมี แบ๊กโฟร์ ที่นักเตะฟูลแบ๊กสองข้างสามารถเล่นเซนเตอร์ได้ด้วยครับ

    เซนเตอร์อาชีพนะมีอยู่แล้ว แต่แบ๊กสองฝั่งต้องยืนเซนเตอร์ได้ เมื่อทีมต้องการหรือจำเป็น

    อย่างเช่น อาแจกส์ มี มาไธจ์ เดอ ลิกจ์, โจเอล เวลต์แมน เล่นได้ทั้งแบ๊กและเซนเตอร์ ชุดหลังๆ มามี มาร์ติเนส (ทีมชาติอาร์เจนตินา) ยืนกับ ยูเลียน ทิมเบอร์ ซึ่งเบียด แปร์ สกูร์ กระเด็นไปนั่งสำรอง ทิมเบอร์ เล่นแบ๊กขวาได้ด้วย เช่นเดียวกับ ดาเลย์ บลินด์ สามารถเข้าไปเล่นเซนเตอร์คู่ได้ แต่งานประจำคือแบ๊กซ้าย

    ตรงนี้คงมาจากประสบการณ์ของเขาในตอนเป็นนักเตะที่โค้ชสั่งให้เล่นทั้งเซนเตอร์และแบ๊กสองข้าง

    เชื่อว่าแบ๊กโฟร์ ยุคของ เทน ฮาก จะต้องมีนักเตะที่เป็นเซนเตอร์อาชีพ และฟูลแบ๊กที่เล่นเซนเตอร์ได้  "รอดู"

    แดนกลาง 3 คน จะมีแบบเบอร์ 6 (ตัวตัดเกม) หนึ่งคนหรือสองคน

    ถ้ามีเบอร์6 หนึ่งคนจะมีเบอร์ 8 สองคน

    ถ้ามีเบอร์ 6  สองคน จะมีเบอร์ 10 เป็นกลางรุกเลย

    เช่น.... ชุดปัจจุบัน อัลบาเรส ตัวตัดเกมทีมชาติเมกซิโก เล่นบทนี้กับ ไรอัน กราเวนเบิร์ก ที่ถูกให้ฉายาว่า "ไรจ์การ์ดสอง" คือเบอร์ฺหกสองคน โดยตัวรุกคือ สตีเฟน เบิร์กเฮาส์ ที่ซื้อมาจากเฟเยนูร์ด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

    ช่วงสองสามนัดหลังปีกขวาของอาแจกส์ เดี้ยงคือ อันโธนี (ทีมชาติบราซิล)

    เทน ฮาก ขยับ เบิร์กเฮาส์ ไปยืนปีกขวา แล้วส่ง ดาวี คลาเซน เล่นเบอร์10

    โดย กราเวนเบิร์ก กับ อัลบาเรส เป็นเบอร์ 6 คู่กัน

    อย่างนี้เป็นต้น

    แน่นอนครับ...4-3-3 มีปีกหรือผู้เล่นริมเส้น 2 ข้าง และ "หน้าเป้า" ตัวปิดบัญชี

    ที่อาแจกส์ ปีกขวา อันโธนี ส่วนทางซ้าน ดูซาน ทาดิช หน้าเป้าเซบาสเตียน ฮัลแลร์

    คำถามคือ.. ตัวรุกริมเส้นสองฝั่ง เทน ฮาก จะสั่งซื้อใครมาใหม่ แล้วมีศูนยหน้าตัวเป้าใหม่หรือไม่ แล้วถ้ามีนำเข้ามา ....

    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะถูกจัดวางไว้ตรงไหน

    ส่วนตัวเทน ฮาก จะมีบารมีมากพอให้ โรนัลโด้ "ฟัง" หรือไม่

    จุดแข็ง

    1 บอลรุกอย่างเป๊ป

    เขามีทั้งเกมเพรสซิงแดนบน, แดนสอง เน้นเกมพาสซิง คอนโทรล แบบเดียวกับที่ เป๊ป ทำแต่แตกต่างตรงที่เขามีบอลด้านข้าง "ครอส" เข้าเขตโทษตลอดเวลา นอกเหนือจากบอลตามช่อง, บอลระหว่างไลน์, บอลแนวลึก จากแดนสองไปแดนสามเร็ว แน่นอน "ไฮไลน์ ดีเฟ้นส์" แบบ แมนฯซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ครับ

    2 ประสบการณ์แชมป์และเวทียุโรป

    การคว้าแชมป์ลีกดัชท์ อาจถูกมองว่าไม่เท่าไหร่เพราะลีกระดับบีของยุโรป

    กระนั้นในเมื่อ แมนฯยูไนเต็ด ยังเลือก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โค้ชที่พาทีมคาร์ดิฟฟ์ ตกชั้นแล้วได้แชมป์กับ โมลด์ ลีกระดับ ซี ของยุโรปมาคุมได้ ด้วยเหตุผลว่า "แมนฯยูไนเต็ดDNA" แล้วทำไม เทน ฮาก ที่ได้แชมป์กับลีกใหญ่กว่านอรเวย์ รวมทั้งพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศช.ป.ล จึงมาคุมไม่ได้

    3 ปั้นดาวรุ่ง

    ด้วยธรรมชาติดัชท์ลีก นิยมปั้นดาวรุ่ง 17-18 ที่มีแววผลักดันขึ้นชุดใหญ่เลย ถ้าเล่นดี ก็มีโอกาสแย่งตำแหน่งรุ่นพี่ได้ อย่าง ไรอัน กราเวนเบิร์ก ชุดปัจจุบัน, ทิมเบอร์ กองหลัง จุดนี้เป็นแนวทางพื้นฐานของแมนฯยูไนเต็ดที่ต้องมีเด็กจากอะเคเดมี ขึ้นมาเล่นทุกซีซั่นอยู่แล้ว

    จุดนี้น่าจะได้ใจแฟนผีแน่นอน....

    4 อายุทำงาน

    วัย 52 ปี ของเขาถือว่าเป็นวัยกำลังเหมาะในการเป็นโค้ช เขาเรียนรู้จากการคุมทีมระดับเล็กจนถึงสูงสุดของประเทศ แถมมีทำงานต่างประเทศเพื่อศึกษาหาความรู้มาใช้ในการทำงาน เทน ฮาก จึงเป็นโค้ชที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวเองและพัฒนาทีม

    การมาคุมลีกใหญ่และทีมใหญ่ระดับโลก เป็นงานที่น่าจะเติมเต็มชีวิตของเขาที่ท้าทานอย่างยิ่ง

    จุดอ่อน

    1 มาตรฐานลีก

    ดัชท์ ลีก ระดับอาแจกส์ แข่งกับ พีเอสวี และเฟเยนูร์ด สามทีม แต่เป็นสามทีมที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าอาแจกส์ แถมที่ระดับกลางถึงล่างของบอลดัชท์ นั้นไม่แกร่งเท่าไหร่ เวทีพรีเมียร์ลีกมาตรฐานสูงกว่าแน่นอน

    2 บุคลิกภาพ

    ที่ฮอลแลนด์รู้ดีว่าผู้คนที่เกิดและเติบโตจากภาคตะวันออกของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีบุคลิกภาพ "ขี้อาย" และ "อ่อนน้อม" ไปหน่อย ไม่แข็งกร้าว ดูเหมือนเขาจะนิ่มนวลพูดน้อยไปหน่อย

    3 รับมือกับความกดดัน

    อันนี้น่าจะเป็นจุดที่เขาต้องเจอการทดสอบอย่างแน่นอน เหมือนข้อสองคือเขาไม่ชอบอยู่ในที่แจ้ง ไม่ชอบเป็นข่าวอะไร ตรงนี้ต้องปรับตัวเมื่อมาอยู่อังกฤษที่จะต้องเจอไมค์, เจอสื่อวิพากษ์วิจารณ์หนักกว่าฮอลแลนด์ เช่นเดียวกันกับแฟนบอลแมนฯยูไนเต็ดเองที่มีความคาดหวังพอสมควร

    คาดหวังแรก.... "เล่นบอลให้มีทรง"

    คาดหวังต่อมา..."ไปลุ้นกับแมนฯซิตีและลิเวอร์พูล"

    คาดหวังที่สุด...."แชมป์พรีเมียร์ลีกในสองปี"

    ความกดดันอันนี้แหละเป็นจุดที่ เอริก เทน ฮาก จะต้องเจออย่างหนักหน่วงกว่าที่อาแจกส์ อย่างไม่ต้องสงสัย

    ถ้าให้ทำนายคาดการณ์

    ผมมองว่าถ้าให้ "เวลา" กับเขา ลดละการวิพากษ์วิจารณ์ ในนัดแรก, เดือนแรก, ปีแรก อย่างที่ ราล์ฟ รังนิก บอกนั่นแหละ "ซื้อนักเตะอีกสามตลาด" แล้วรอดูความก้าวหน้า

    นักเตะชุดนี้มี 50% เท่านั้นที่ไปต่อได้ ส่วนที่เหลือจะต้องขายทิ้ง

    เช่นกลุ่มนักเตะอายุมาก เนมานยา มาติช (เจ้าตัวประกาศอำลาทีมแล้ว)

    ฆวน มาต้า, ปอล ป๊อกบา ที่ไม่ต่อสัญญาก็ปล่อยออกไป เพราะปัญหาของเขาคือ "ทัศนคติ"

    กรณี โรนัลโด้ ไม่ต้องคิดมากครับ...ยังไง"ต้องมี" เพียงแต่จะนำประโยชน์สูงสุดของ โรนัลโด มาใช้ได้ดีเพียงไร โดยที่ "โด้" ไม่รู้สึกว่าเขาคือ "ส่วนเกิน"ของทีม

    แมนฯยูไนเต็ด ก้าวเข้าสู่ยุคปฏิรูปใหม่ สิ่งที่ดีสุดในเวลานี้คือ "รอ"

    ที่สำคัญ เป๊ป กับ เจเค เตรียมตัวโบกมือลาในอีกสองปีข้างหน้า

    ถ้าวางพื้นฐานดีๆ เล่นมีทรง มันก็น่าสนใจเหมือนกันนะครับ เทน ฮาก

    เอาเป็นว่า....รอดู แมนฯยูไนเต็ด สไตล์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผสมอาแจกส์ กันครับ

    ผมรู้สึกตื่นเต้นแทนแฟนปีศาจแดง....ไม่น้อยทีเดียว