ผีซ้อมใหญ่ก่อนฟัดปืน,ร็อดเจอร์ส เข้าขั้นโคม่า! 5 ข้อ แมนยู เฉือน เลสเตอร์ หน่อมแ

[ทีเด็ดบ้านผลบอล]

ยังไปได้สวยสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเก็บได้เก้าแต้มเต็มจากผลงานชนะรวดในสามเกมหลังโดยล่าสุดเป็นฝ่ายบุกไปกำชัยเหนือ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ด้วยสกอร์ 1-0 ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.ย.

อย่างไรก็ดี สามแต้มที่มีต่อ เดอะ ฟ็อกซ์ บอกได้เลยว่าไม่ใช่ฟอร์มที่ดีสักเท่าไหร่ของทีม อสูรร้าย แม้สุดท้ายพวกเขาจะยันเกมรุกของเจ้าบ้านได้อยู่หมัดก็ตาม

1.จิ้งจอก ไม่ชอปปิ้ง



ในขณะที่หลายทีมใช้เงินเสริมทัพกันอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่ทีมน้องใหม่อย่าง ฟอเรสต์ ที่เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่อย่างบ้าคลั่งร่วม 20 ชีวิต แต่กลายเป็นว่า เลสเตอร์ ไม่มีความเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้เลย

นอกจากจะไม่เสริมทัพแล้ว พวกเขายังเสีย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารคนสำคัญอีกด้วยซึ่งถือเป็นผลเสียอย่างมหันต์เนื่องจากมือกาวทีมชาติ เดนมาร์ค เป็นผู้นำคนสำคัญ และเป็นแรงกระตุ้นที่ดีของทีมจากการตะโกนสั่งการแบบไม่หยุดตลอดทั้งเกมซึ่งการขาดนักเตะประเภทนี้ทำให้ เลสเตอร์ มีผลงานตกต่ำอย่างที่เห็น

นอกจาก ชไมเคิ่ล แล้ว เวสลีย์ โฟฟาน่า ปราการหลังอนาคตไกลก็ย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี ขณะที่สโมสรเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่แค่รายเดียวก่อนปิดตลาด มันจึงทำให้ขุมกำลังของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่มีความสดใหม่เข้ามาเติมเต็ม และแม้จะรั้งตัว ยูริ ตีเลอมันส์ กับ เจมส์ แมดดิสัน สองหัวใจสำคัญได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ควรเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่บ้างเพื่อสร้างบรรยากาศในทีมให้เกิดการแข่งขัน และเกิดความคึกคัก

2.บีร็อด เก้าอี้ร้อน



ในฐานะทีมบ๊วยของตารางซึ่งยังไม่ชนะในห้าเกมแรก และเสียประตูมากที่สุดเป็นอันดับสองเช่นเดียวกับ ฟอเรสต์ เป็นรองแค่ บอร์นมัธ จึงน่าเป็นห่วง ร็อดเจอร์ส เหลือเกินว่าจะได้นั่งเก้าอี้คุมทีมต่ออีกสักกี่น้ำแม้เขาจะแก้เกมได้เยี่ยมในครึ่งหลังนัดแพ้ ผีแดง แค่เม็ดเดียว

ถัดจากเกมปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด บีร็อด จะต้องพา เดอะ ฟ็อกซ์ บุกไปห้ำหั่นกับ ไบรท์ตัน ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ใช่เกมที่ง่ายเนื่องจาก นกนางนวล เพิ่งแพ้เกมแรกของซีซั่นให้กับ ฟูแล่ม คารัง 2-1 ในฟอร์มที่เด็กๆของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ยังเล่นกันได้อย่างน่าประทับใจ

ฉะนั้นแล้ว หากกุนซือชาว ไอร์แลนด์เหนือ ยังพาทีมคว้าสามแต้มเต็มไม่ได้ โอกาสที่เขาจะตกงานใน พรีเมียร์ลีก เป็นรายที่สองต่อจาก สกอตต์ พาร์เกอร์ อดีตผู้จัดการทีม บอร์นมัธ ก็มีสูงเพราะอย่าลืมว่าเวลานี้ผู้จัดการทีมที่ว่างงานยังรอการติดต่อให้เพียบไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่

และที่สำคัญ ความปราชัยสี่นัดซ้อนของ เลสเตอร์ กำลังจะเทียบได้กับสถิติผลงานที่เลวร้ายที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ของสโมสรด้วยซึ่งพวกเขาเคยแพ้ห้านัดรวดในเดือนก.พ.2017 และปรากฏว่า เคลาดิโอ รานิเอรี่ ตกเก้าอี้

3.เทน ฮาก ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง



นับเป็นเกมที่สามติดต่อกันแล้วที่ เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจใช้งาน 11 นักเตะชุดเดิมนับตั้งแต่เกมแดงเดือดที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ 2-1 ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด

จากนั้นในเกมบุกไปพิชิต เซาธ์แฮมป์ตัน แบบหวุดหวิด 1-0 ผู้จัดการทีมชาว ฮอลแลนด์ ก็ส่งทีมชุดเดิมลงทำศึกเช่นกัน และเรื่อยมาจนถึงเกมล่าสุดกับ เลสเตอร์ ซิตี้

ไม่ใช่เรื่องผิดที่ เทน ฮาก ไม่คิดเปลี่ยน 11 คนแรกที่สร้างผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันมันก็แลกมาซึ่งความเสี่ยงเนื่องจากขุนพล ผีแดง เร่งเกมในครึ่งหลังไม่ขึ้น และโดน เดอะ ฟ็อกซ์ พลิกสถานการณ์กลับมากดดันอย่างหนัก

จากสถิติใน 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลมากกว่าเจ้าบ้านแค่ 51:49% เท่านั้น แต่เข้าครึ่งหลัง เลสเตอร์ เหนือกว่าในจุดนี้อย่างเห็นได้ชัดจากอัตรา 54:46% แถมมีโอกาสส่องยิงแซงหน้า ผีแดง ด้วย เพียงแต่ทีมของ บีร็อด ไม่มีคุณภาพมากพอในจังหวะสุดท้าย

หากมองในแง่ดี บางที ผีแดง น่าจะถูกกำชับให้เล่นแบบออมแรง เน้นคว้าผลลัพธ์เข้าว่าก่อนปะทะกับ อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงที่ชนะรวด 100% ในเกมต่อไป จึงทำให้พวกเขาตกเป็นรองเจ้าบ้านตลอด 45 นาทีหลัง อีกทั้งทีมจาก โรงละครแห่งความฝัน มีสถิติยอดเยี่ยมหากออกนำคู่แข่งก่อนในเกมลีก พวกเขาก็ไม่เคยแพ้มานาน 17 นัดติดต่อกันแล้ว (ยังไม่นับเกมชนะ เลสเตอร์) ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เกมบุกขยี้ สเปอร์ส 3-0 เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2021

อย่างไรก็ดี คาดว่านัดต่อกรกับ เดอะ กันเนอร์ส เทน ฮาก น่าจะปรับทัพ 11 คนแรกบ้างเพื่อไม่ให้นักเตะล้าอย่างต่อเนื่องมากเกินไป โดยเฉพาะ กาเซมีโร่ ที่มีแนวโน้มได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ อันโตนี่ ซึ่งลงทะเบียนทันเกมในสุดสัปดาห์น่าจะมีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองเช่นเดียวกับ มาร์ติน ดูบราฟก้า

นอกจากนี้ เผลอๆ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจได้ลงเล่นเป็น 11 คนแรกด้วยก็ได้หลังถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองสามนัดรวดซึ่งไม่แน่ว่าอาจเป็นแผนของเจ้านายสกินเฮดที่ต้องการบ่มเพาะความกระเหี้ยนกระหือรือของสตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส ออกมา แต่หากไม่เป็นผลก็ค่อยเปลี่ยนเขาออกจากสนามก็ยังได้

4.อวสานมหากาพย์?



ต่อการจัดทัพของ เทน ฮาก ซึ่งยังมี โรนัลโด้ นั่งประจำการณ์บนม้านั่งสำรอง ย่อมหมายความว่ากุนซือดัตช์พูดจริงทำจริงที่ยืนยันเรื่อยมาว่ากองหน้าวัย 37 ปีอยู่ในแผนของเขา แม้อาจไม่เหมาะที่จะลงเล่นในโผชุดออกสตาร์ต

และเมื่อ โรนัลโด้ ปรากฏตัวที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม จึงเท่ากับว่าโอกาสย้ายทีมของสตาร์ดังจบลงแล้วเนื่องจากตลาดในลีกเมืองผู้ดีปิดตัวลงแล้ว นอกซะจากว่าจะมีเหตุพลิกผันในวินาทีสุดท้ายก่อนตลาดวาย

ขณะเดียวกัน ถือเป็นเรื่องที่ผิดความคาดหมายของสื่อทุกสำนักเช่นกันที่มั่นใจกันเต็มเปี่ยมว่า โรนัลโด้ จะดิ้นรนหาทางย้ายทีมได้อย่างแน่นอนเพื่อลงเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก แต่สุดท้ายก็ไม่มีสโมสรไหนสนใจดาวยิงค่าจ้างสูงอย่างจริงจัง แม้ว่า ผีแดง จะควักกระเป๋า 100 ล้านยูโรเซ็นสัญญากับ อันโตนี่ แต่ก็ไม่คิดปล่อย ซีอาร์เซเว่น ที่ยังเหลือสัญญาอีกปีออกจาก โรงละครแห่งความฝัน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องรอดูกันว่า โรนัลโด้ จะให้สัมภาษณ์เพื่อเผยความจริงทั้งหมดอย่างที่เคยเอ่ยออกมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหรือเปล่าว่าสื่อลูกหนังเขียนข่าวโกหกเกี่ยวกับอนาคตการค้าแข้งของเขามาโดยตลอด

5.เกมหน้าของ ผีแดง



เทน ฮาก ยอมรับว่าเกมต่อไปในวันอาทิตย์นี้นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านต้อนรับ อาร์เซน่อล คือบททดสอบที่แท้จริงของสโมสรเนื่องจาก เดอะ กันเนอร์ส อยู่ในฟอร์มที่ฮอตสุดขีด กวาดชัยชนะทีมเดียวได้แบบ 100% นับตั้งแต่ออกสตาร์ต และเก็บไปแล้ว 15 แต้มเต็ม

แน่นอนว่าแม้ ผีแดง จะชนะสามนัดรวดหลังแพ้สองนัดแรก แต่หากจะเทียบฟอร์มกันตามเนื้อผ้า ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังดูเหนือกว่าเนื่องจากสามารถครองเกมกดดันคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง ต่างไปจาก ผีแดง ซึ่งแม้จะชนะติดๆกัน แต่เป็นการเอาตัวรอดได้ซะมากกว่าจากการถูกฝ่ายตรงข้ามบุกใส่ตลอดในครึ่งหลัง

อย่างไรก็ดี ฟุตบอลลูกกลมๆไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ และการได้เล่นในบ้านทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เปรียบ อาร์เซน่อล ในเรื่องเสียงเชียร์ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอุ่นใจได้สำหรับสาวก เร้ด อาร์มี่

พร้อมกันนี้ หลังจากหยุดสถิติที่เลวร้ายในเกมแดงเดือดได้แล้ว ย่อมน่าสนใจว่าอดีตโค้ช อาแจ็กซ์ จะสร้างชื่อได้ต่อด้วยการยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้ อาร์เซน่อล เป็นทีมแรกได้หรือไม่ หรือจะแค่หยุดสถิติชนะรวดของทีมเมืองหลวงได้สำเร็จก็สุดแท้แต่

แต่ทั้งนี้จากสถิติที่ทั้งสองทีมเผชิญหน้ากันมา ผีแดง เสียท่าให้ ปืนใหญ่ ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด แค่หนเดียวเท่านั้นจากแปดหนหลังในการพบกันทุกรายการโดยพ่าย 1-0 เมื่อเดือนพ.ย.2020 จากลูกโทษของ ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง