Loader

ข้อเสียแมนซิตี้-ราชันดวงแข็ง! สิ่งที่อยากบอกหลังเรือใบอับปางไปไม่ถึงฝั่งปารีส

เริ่มโดย สปอร์ตใจดี, พ.ค 06, 2022, 11:40 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป


ถึงนาทีที่ 89 แมนฯ ซิตี้ ยังนำ เรอัล มาดริด ด้วยสกอร์รวม 5-3 อยู่เลยนะครับ

    สุดท้าย 'เรือใบสีฟ้า' กลับอับปางที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อดเข้าไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ลิเวอร์พูล ที่ ปารีส ซะอย่างนั้น !!!



    1. เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดทีมชุดใหญ่ด้วยตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่า ณ เวลานี้ไปเยือนทีมชุดขาวแบบไม่ประมาท หลังจากได้ ไคล์ วอล์คเกอร์ กลับมาจากอาการบาดเจ็บ

    เควิน เดอ บรอยน์ นำทัพ ตามมาด้วย แบร์นาโด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น และ กาเบรียล เชซุส แถมบนม้านั่งสำรองยังมีตัวแสบๆ อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, อิลคาย กุนโดกัน และ แจ็ค กรีลิช

    ขณะที่ 'พี่แช่' คาร์โล อันเชล็อตติ ก็จัดทีมที่ดีที่สุดของตัวเองเช่นกัน

    ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, วินิซิอุส และคาริม เบนเซม่า ลงครบครัน

    เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่านะครับ



    2. แมนฯ ซิตี้ ครองบอลเหนือกว่าตามฟอร์ม พวกเขาบุกได้มากกว่า และมีโอกาสทำประตูมากกว่า

    เพียงแต่ดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่ทราบ

    คือสถิติเหนือกว่าทุกอย่างก็จริง ทว่าผู้ชมทางบ้านอย่างผมดันรู้สึก (รู้สึกไปเองหรือเปล่าก็ไม่ทราบ) ว่าเกมมันดูติดๆ ขัดๆ ไม่ค่อยไหลลื่นชอบกล

    นาทีที่ 72 เควิน เดอ บรอยน์ ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก

    อย่างไรก็ตาม

    ถัดมานาทีเดียว ทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ก็ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของ ริยาด มาห์เรซ

    สกอร์รวมตอนนั้น ขยับเป็น 5-3

    มิซ้ำช่วงท้ายเกม ตัวสำรองราคา 100 ล้านปอนด์เกือบเพิ่มสกอร์ให้ แมนฯ ซิตี้ นำห่างเป็น 2-0 ถึง 2 จังหวะ โดยจังหวะหนึ่งถูกสกัดออกจากเส้นประตูซะด้วย

    คือถ้า 2-0 ก็จบเลย



    3. เรอัล มาดริด พยายามขัดขืนตั้งแต่นาทีที่ 68 เมื่อกุนซือแชมป์ 5 ลีกใหญ่อย่าง 'พี่แช่' ส่ง โรดรีโก้ มาเป็นกองหน้าแทนกองกลางอย่าง โทนี่ โครส

    ต่อเมื่อเป็นฝ่ายตามหลังก็ส่ง อาเซนซิโอ กับ กามาวินก้า ลงมาแทน กาเซมิโร่ กับ ลูก้า โมดริช โดยอาศัยความสดเข้าบดบี้กับคู่แข่ง

    นั่นเท่ากับว่านับตั้งแต่นาทีที่ 75 ชุดขาวไม่มี 3 ตัวกลางอย่าง กาเซมิโร่, โทนี่ โครส และลูก้า โมดริช อยู่ในสนาม

    หลังรอดพ้นจากการเสียประตูที่ 2 อย่างหวุดหวิดถึง 2 จังหวะ พวกเขาก็มายิงตีเสมอได้ดื้อๆ

    ก่อนอาศัยจังหวะที่ แมนฯ ซิตี้ ยังมึนๆ ทำประตูขึ้นนำเป็น 2-1 ในนาทีที่ 91 จนต้องไปวัดกันในช่วงต่อเวลา

    สองประตูนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งและอีกครั้งว่า เรอัล มาดริด ชุดนี้ นอกจากจะมีทีเด็ดในเกมรุก ยังเขี้ยวยาวลากดิน และดวงแข็งชะมัดยาด

    และองค์ประกอบทั้ง 3 อย่างนี้แหละช่วยให้พวกเขาผ่าน

    เปแอสเช และเชลซี มาในรอบก่อนหน้า



    4. ยัง...ยัง...ยังไม่ครบองค์ประกอบสักหน่อย ???

    เพราะที่เหลืออีกหนึ่งคือ คาริม เบนเซม่า ที่กระหน่ำมาทุกรอบ

    ...ว่าแล้วจะขาดเขาได้ไง

    ทันใด รูเบน ดิอาส ก็เสียบดาวเตะผู้นี้จนเสียจุดโทษ

    เรียบร้อยเลยครับ 'ราชันชุดขาว' ใช้เวลาแค่ 5 นาที พลิกนรกกลับมาเป็นสวรรค์ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ พอเสียไป 3 ประตูติดๆ กัน เครื่องก็พังไปเลย

    ช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที แทบหาจังหวะทำประตูอย่างเหมาะเหม็งไม่ได้เลย



    5. ว่าแล้วก็นึกถึงเกมแรกที่ทั้งคู่เจอกัน

    แมนฯ ซิตี้ นำห่าง 2-0 แล้วมีจังหวะที่ควรจะขึ้นนำเป็น 3-0 แบบสุดๆ อีก 2 จังหวะ แต่พวกเขาเอามันไปยัดลงโถส้วมแล้วกดชักโครก

    เกมนี้เช่นกันที่ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสขึ้นนำ 2-0 แล้วทำไม่ได้

    สุดท้ายจึงถูกลงโทษอย่างสาสม

    นี่คือข้อเสียของ แมนฯ ซิตี้ ที่ผมเห็นมาตลอด คือพวกเขาเป็นทีมที่บุกกระหน่ำหาจังหวะถล่มตาข่ายได้เยอะ แถมยิงกระจายก็จริง แต่ใช้โอกาสอย่างสิ้นเปลืองมากเกินไป

    น่าเสียดายแทนยิ่งนัก