Loader

มหัศจรรย์แห่งชุดขาว....มันยากที่จะเชื่อ!

เริ่มโดย สปอร์ตใจดี, พ.ค 06, 2022, 11:37 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป


หลังผ่าน 11 นาทีของเกมแรกที่ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม มันยากที่จะเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างนี้

    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นมหาอำนาจใหม่ด้วยเกมที่สมบูรณ์แบบ โขยกใส่แชมป์ยุโรป 13 สมัยด้วย 2 ประตูอย่างรวดเร็ว

    เด็ดขาด เฉียบขาด และ เพอร์เฟกต์

    มันยากที่จะเชื่อ..

    แม้กระทั่งในเกมที่สองที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อคืนวันพุธ มันก็ยากจะทำใจเชื่อได้เช่นกันเมื่อเวลาผ่านเข้าสู่นาทีสุดท้าย และซิตี้ดูเหมือนจะไม่ยอมโยนโอกาสทิ้งไปอีกแล้ว

    จากโอกาสนับครั้งไม่ถ้วนในเกมแรกที่ควรจะขนประตูทิ้งห่างตุนเอาไว้อย่างน้อย 3 ลูกเมื่อมาเยือนที่มาดริด ซิตี้นำอยู่แค่ประตูเดียวจากผล 4-3 แต่ยังควบคุมสถานการณ์ได้ดี เล่นอย่างระมัดระวัง และชิงจังหวะยิงนำได้อีกก่อนหมดเวลา 17 นาที ฉีกประตูรวมทิ้งเป็น 5-3



    กองกลางชุดรุ่งเรืองของราชันชุดขาวยังเร่งเกมไม่ขึ้น ถูกเปลี่ยนตัวออกทั้งหมดในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทั้ง ลูก้า โมดริช โทนี่ โครส และ กาเซมิโร่

    มันก็ยิ่งยากที่จะเชื่อว่าผลลัพธ์จะจบอย่างที่เป็น ด้วยความรัดกุมของซิตี้ โอกาสที่ถืออยู่ในมือครั้งแล้วครั้งเล่า และความละเอียดรอบคอบของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

    นั่นล่ะครับ ความมหัศจรรย์แห่งเกมฟุตบอล

    เกมที่ผ่านไปโดยไร้วี่แววที่ ราชันชุดขาว จะกลับมา ผ่านนาที 80 เข้าสู่นาที 85, 87, 89.. แต่แล้วโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย มันก็เกิดขึ้น

    ในเวลาแห่งความชี้เป็นชี้ตายที่ดูเหมือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ ทีมของเป๊ปยังสามารถเสียได้อีกประตูด้วยซ้ำสำหรับการเข้าชิงเจ้ายุโรปเป็นปีที่สองติดต่อกัน คาริม เบนเซม่า ก็ตวัดให้ โรดรีโก้ ชาร์จ ตุงตาข่าย



    สัญญาณชีพถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วอีกเพียงนาทีเดียวให้หลัง ลูกโยนของ ดานี่ การ์บาฆาล ก็เข้าหัว โรดรีโก้ ซูเปอร์ซับโขกเสียบใต้คาน

    จากที่นอนดูอยู่.. ผมทะลึ่งพรวดขึ้นมานั่งทันที เอาอีกแล้ว.. มาดริดทำอย่างนี้อีกแล้ว

    คล้ายสวรรค์ล่มภายในเวลาห่างกันแค่นาทีเดียวสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากที่กำตั๋วสู่ปารีสไว้ในมือ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกกลับพบว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่เท่ากันกับ เรอัล มาดริด

    นัดชิงเจ้ายุโรปกลายเป็นไม่ลูกผีก็ลูกคน

    และเมื่อ เบนเซม่า เรียกจุดโทษก่อนสังหารเองเข้าไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ เรอัล มาดริด ก็พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบบ้าง.. เป็นครั้งแรก



    เป็นการได้เปรียบครั้งแรกของพวกเขาในรอบ 185 นาที.. 90 นาทีจากเกมแรก 90 นาทีในเกมที่สอง และอีก 5 นาทีเมื่อเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ

    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือโอกาสอยู่ในมือมา 185 นาที.. ทำไม่ได้

    เรอัล มาดริด ฉวยมันมาคว้าเอาไว้บ้าง ถือโอกาสเอาไว้ 25 นาที และไม่ปล่อยมันกระเด็นหลุดมือ

    เหมือนคุณวิ่งนำคู่แข่งมาตลอดทางแต่ถูกแซงในช่วง 5 เมตรสุดท้าย

    เจ็บปวด.. แต่ทำอย่างไรได้นอกจากโทษตัวเองและให้เครดิตคู่ต่อสู้

    บทสรุปของ 2 แมตช์ห้าดาวระหว่างเกมคู่นี้มันคงเป็นอย่างนั้นล่ะครับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องโทษตัวเองที่โยนโอกาสมากมายในมือทิ้งไป แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้เครดิต เรอัล มาดริด ที่ไม่ยอมแพ้และตายยากตายเย็นเหลือเกินด้วย



    รอบ 16 ทีมสุดท้าย แพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-1 ในเกมแรก กลับมาเล่นในบ้านโดนยิงอีกลูกตาม 0-2 เหลืออีกครึ่งชั่วโมงรัวสามประตูจากแฮตทริกของเบนเซม่า

    รอบ 8 ทีมสุดท้าย แฮตทริกอีกหนของเบนเซม่าในชัยชนะ 3-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถูกลบทิ้งด้วย 3 ประตูของเชลซีที่เบร์นาเบว เข้าสู่สิบนาทีสุดท้ายทีมยังกำลังจะตกรอบอย่างไม่น่าเชื่ออยู่เลยแต่ โรดรีโก้ ตีไข่แตกดึงเกมไปสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษก่อนที่เบนเซม่าจะสบโอกาสยิงอีกประตูพาทีมเข้าตัดเชือก

    และในรอบรองชนะเลิศนี้ โดนนำ 0-2, 1-3, 2-4 ในเกมแรกแต่ตามยื้อไม่ปล่อยจนกลับมาเล่นนัดที่สองด้วยการตามหลังเพียงลูกเดียว นัดสองถึงนาทีสุดท้ายยังตามหลังอีก 2 ลูกในประตูรวม กลับใช้เวลาแค่อึดใจนาที 90 กับ 90+1 รัวตีเสมอก่อนมาเช็กบิลด้วยฮีโร่คนเดิม.. เบนเซม่า

    ยินดีด้วยกับ เรอัล มาดริด พวกคุณมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ