(https://www.siamsport.co.th/static/fd5a7a8e-6cd5-4a71-b96e-dcb411453b01.jpg)
ทีมลูกหนังระดับชาติแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ เพลานี้ ยุคของ "มาโน่ โพลกิ้ง" เฮดโค้ชใหญ่ขุนพล "ช้างศึก" เป็นที่คาดหวังในมวลมนุษย์แฟนฟุตบอลทั่วทั้ง 77 จังหวัดค่อนข้างสูง กับความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบนเวทีถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่กำลังจะมาถึง
แฟนบอลหลายท่านฟันธงไปแล้วว่า ทีมชาติไทยต้องเถลิงบัลลังก์แชมป์สถานเดียว ไม่มีข้อแม้อื่นๆใดๆให้พิจารณา !
ความชื่นมื่นจากการคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่แสยะยิ้มกันถ้วนหน้า ตามมาด้วยคว้าตั๋วเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย ถือเป็นความปราบปลื้มเกินบรรยาย ทว่ากับศึกคิงส์คัพที่ปราศจากการจัดมาแล้ว 2 ปีเต็มๆ ด้วยเหตุโควิด-19 นั้น ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ทีมเบอร์ 2 ของภูมิภาคอาเซียน จะต้องคว้าถ้วยอันทรงเกียรติให้จงได้
เพราะหนสุดท้ายหรือครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในปี 2019 ณ จ.บุรีรัมย์ ผลงานของทีมอันดับ 111 ของโลกในปัจจุบันไม่น่าอภิรมย์แฟนบอลชาวสยามเอาเสียเลย เปิดหัวรอบตัดเชือกพ่ายศัตรูที่รักอย่างแข้งสกุลเหงียน ทีมชาติเวียดนาม 0-1 มิหนำซ้ำเกมรอบชิงที่ 3 ยังแพ้แข้งจากดินแดนภารตะ ทีมชาติอินเดีย 0-1 ส่งผลให้ทัพ "ช้างศึก" จบที่ 4 จากทั้งหมด 4 ทีม
จากวันนั้น มาถึงวันนี้ ... รายการอันทรงเกียรติของเมืองไทย กำลังได้ฤกษ์บรรเลงเพลงแข้งรอบ 3 ปี ผลประกบคู่รอบรองฯ ทีมชาติไทย เตรียมเซิ้งกับ "เสือเหลือง" มาเลเซีย ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย.65 ที่สังเวียนแข้งสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตอนพระอาทิตย์ตกดินสองทุ่มครึ่ง
ถามว่าอยากได้ผลเป็นแบบไหน ? เรียนตามตรง "ช้างศึก" ต้องขย้ำ "เสือเหลือง" เท่านั้น ด้วยศักยภาพที่เป็นต่อทั้ง อันดับโลก, สนามแข่งในฐานะเจ้าภาพ, ผู้เล่นคนที่ 12 ที่คาดว่าจะเข้าไปเชียร์เต็มความจุ ฯลฯ
รายชื่อทั้ง 23 คนที่แบโผออกมา หากไม่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค หรืออุบัติเหตุทางลูกหนัง "ป่วยจิต-เจ็บจี๊ด" หลังจบเกมไทยลีก นัดที่ 6 ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ คงไม่มีใครถอนตัวแน่นอน แถมขุมกำลังที่ประกาศมานั้น "มาโน่" คอนเฟิร์มจากปากเองเลยว่า "เราได้ผู้เล่นที่ดีที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดในชั่วโมงนี้แล้ว"
สมมติแข้งไทยของเรา ผ่านด่านจราจรเสือเหลืองไปได้ นัดชิงดำไม่ว่าจะฉะ "ทาจิกิสถาน" หรือจะซด "ตรินิแดดแอนด์โตเบโก" ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครอีก ขอให้เล่นตามสไตล์ เล่นเพื่อแฟนบอล สร้างความประทับใจแบบสุดสะเด่าแจ่มแมว หลังปิดฉากรูดม่านทัวร์นาเมนต์นี้แล้ว คงได้คำชมเชยสนั่นบนโลกออนไลน์โดยปริยายเป็นแน่
แม้รายการนี้จะเป็นแค่อุ่นเครื่อง แต่มีผลกับคะแนนแรงกิ้ง แถมขึ้นชื่อว่า "คิงส์คัพ" ทัวร์นาเมนต์ที่มีมนต์ขลังจัดฟาดแข้งมาอย่างยาวนาน ถึงเส้นทางอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือจะมาปูพรมแดงให้เดินเข้าป้ายไปแบบง่ายๆ เพราะเชื่อว่าจะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนลูกหนังชาวไทยที่หลบเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
แต่อุปสรรคต่างๆเหล่านี้ ยังมองว่าจะผ่านไปได้ เพราะทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เรามีแม่ทัพที่เป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั่นคือ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมแข้งเลือดสยามของเรานั่นเอง แถมยังมี มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือที่ผ่านประสบการณ์โชกโชนที่เมืองไทยอีก
อยากฝากแฟนบอลชาวไทยทุกหมู่เหล่า จงเชื่อมั่น จงมั่นใจ เชื่อแป้ง เชื่อมาโน่ เชื่อนักฟุตบอลทั้ง 23 คน และรอดูกันว่าหลังจบทัวร์นาเมนต์คิงส์คัพนี้แล้ว จะเป็นไปตามเป้าหมายที่หลายคนคาดหวังเอาไว้หรือไม่
โปรดอย่าลืมติดตาม ส่งแรงใจแรงเชียร์ ให้ทีมชาติไทยของพวกเรา ประสบความสำเร็จพบกับชัยชนะ ผงาดเป็นแชมป์คิงส์คัพ 2022 ให้จงได้ !