เข้าสู่โลกของพนันออนไลน์ Coingame777 เว็บคาสิโนน่าเล่นที่สุดในตอนนี้

COIN GAME 777 NEWS => บทความเกมพนันออนไลน์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: สปอร์ตใจดี เมื่อ เม.ย 17, 2022, 11:28 หลังเที่ยง

ชื่อ: ศึกครั้งนี้ต้องมีผู้ชนะ! 5 ประเด็นก่อนบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้ เกมเอฟเอค
โดย: สปอร์ตใจดี เมื่อ เม.ย 17, 2022, 11:28 หลังเที่ยง
(https://static.siamsport.co.th/news/2022/04/16/news202204160258537.jpg)

ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคิวจะได้วัดฝีเกือกกันอีกเกมในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 16 เมษายนนี้ โดย 2 เกมลีกที่ผ่านมาพวกเขายังกินกันไม่ลง เสมอกันไปสุดมันทั้งสองแมตช์ อย่างไรก็ตามในเกมนี้จะต้องมีทีมใดทีมหนึ่งที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้แน่นอน ส่วนจะเป็นทีมไหนเดี๋ยวก็ได้รู้กัน แต่ที่แน่ๆ ทั้ง "หงส์แดง" และ "เรือใบสีฟ้า" ถ้าทีมใดชนะ โครงการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในวงการลูกหนังจะสดใสมากยิ่งขึ้น

1. ศึกครั้งนี้ต้องมีทีมเสียน้ำตา

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1390733697-2048x2048.jpg)

      ลิเวอร์พูล ปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ หลังจากที่ทั้ง 2 เกมลีกพวกเขาทำได้เพียงเสมอกันด้วยสกอร์ 2-2 ทั้งสองแมตช์ อย่างไรก็ตามในเกมเอฟเอ คัพ ที่พวกเขาจะฟาดฟันกันในวันเสาร์นี้จะต้องมีฝ่ายหนึ่งยิ้มระรื่น ส่วนอีกฝ่ายน้ำตาริน

      ฟอร์มของ "หงส์แดง" กับ "เรือใบสีฟ้า" ต้องบอกว่าไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก เพราะพวกเขาสร้างมาตรฐานการเล่นเอาไว้สูงมาก และด้วยฟอร์มในเวลานี้ต้องบอกว่าสูสีกันสุดๆ ฉะนั้นการจะคาดเดาว่าใครจะชนะเป็นเรื่องที่ยากลำบากจริงๆ

      เกมล่าสุด ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยได้ออกแรงมากนักในการรับมือกับ เบนฟิก้า เพราะพวกเขาได้เล่นในแอนฟิลด์ แม้สกอร์จะเสมอกัน 3-3 แต่ "เดอะ เร้ดส์" มีโอกาสได้พักตัวผู้เล่นหลัก ทำให้แข้งสำคัญได้พักร่างกายอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะปะทะกับ แมนฯ ซิตี้

      ขณะที่ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า นอกจากจะออกไปเยือน แอตเลติโก มาดริด แล้ว พวกเขายังเจอเจ้าบ้านเล่นเกมหนักใส่จนทำให้นักเตะตัวหลักหลายคนมีอาการล้า และอาจส่งผลกระทบในแมตช์ที่เวมบลีย์วันเสาร์นี้

 
2. คีย์แมนหลักได้พักร่างกายเต็มที่

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1390858005-594x594.jpg)

     อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตอนแรกว่า คล็อปป์ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงผู้เล่นถึง 7 คนในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้เขาได้พักผู้เล่นคีย์แมนเอาไว้ และนั่นหมายความว่านักเตะเหล่านั้นมีโอกาสได้ชาร์จพลังเต็มที่

     เหตุผลสำคัญที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ทำแบบนี้เนื่องจาก "เดอะ เร้ดส์" ต้องเจองานหนักในการปะทะกับ แมนฯ ซิตี้ อีกรอบหลังเกมล่าสุดพวกเขายังไม่สามารถหาผลแพ้ชนะได้ แต่ครั้งนี้จะได้บทสรุปแน่นอน

     สำหรับ "หงส์แดง" ค่อนข้างได้เปรียบตรงที่ไม่ได้เดินทางไปเล่นเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปแถมนักเตะอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้มีโอกาสพักฟื้นร่างกาย

     ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ แม้จะลงเล่นในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายในเกมเสมอ เบนฟิก้า แต่ก็ไม่ได้ต้องใช้พลังงานมากมายอะไร และการได้ลงสนามในเกมดังกล่าว น่าจะเป็นการยืดเส้นยืดสายก่อนจะเจอกับศึกหนัก

 3. ลุ้น เดอ บรอยน์ ฟิตทันปะทะ "หงส์แดง"

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1390856751-594x594.jpg)

     สำหรับแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้พวกเขาคงเครียดสุดๆ เพราะ เควิน เดอ บรอยน์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ สองผู้เล่นแกนหลัก ได้รับบาดเจ็บในเกมบุกไปเสมอ แอตเลติโก มาดริด 0-0 เมื่อวันพุธที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา

     อาการบาดเจ็บของสองคีย์แมนทำให้สาวก "เรือใบสีฟ้า" ต้องลุ้นหนักว่าพวกเขาจะพร้อมลงสนามในเกมวันเสาร์นี้หรือเปล่า เนื่องจากเวลาในการพักฟื้นค่อนข้างจะน้อย แต่ยังดีที่อาการบาดเจ็บของทั้งคู่ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงมากนัก อาจมีสิทธิ์ที่จะหายทันก็ได้

     เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า เดอ บรอยน์ กับ วอล์คเกอร์ ไม่ได้ลงซ้อมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ยังต้องลุ้นเยี่ยวเหนียวในวันเสาร์ว่าพวกเขาจะพร้อมมากแค่ไหน โดยเฉพาะในรายของ จอมทัพทีมชาติเบลเยียม ที่เจ็บข้อเท้าซึ่งเป็นจุดที่น่าเป็นห่วงพอสมควร

     สำหรับ เดอ บรอยน์ ถือเป็นนักเตะที่มีความสำคัญกับ แมนฯ ซิตี้ อย่างมาก โดยเขาซัดไปแล้ว 6 ประตูจาก 7 เกมที่ผ่านมา ดังนั้นหาก "เรือใบสีฟ้า" ขาดเพลย์เมกเกอร์รายนี้ไป งานนี้บอกเลยว่าเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน

4. เอฟเอ คัพศึกที่สองยอดทีมไม่ค่อยได้ดวลกัน

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1239919142-594x594.jpg)

     ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกพอสมควรที่ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสได้ปะทะฝีเกือกในศึกฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเพียงแค่ 6 ครั้งเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับแฟนบอลของพวกเขาการได้เจอกันในยุคนี้เป็นอะไรที่มันสุดขั้วจริงๆ

     ย้อนกลับไปครั้งแรกที่ "หงส์แดง" ดวลกับ "สำเภาทอง" ตอนนั้นเป็นการเจอกันในรอบ 5 เมื่อปี 1956 โดยเป็นฝ่ายของ แมนฯ ซิตี้ ที่ได้เฮในแอนฟิลด์ เมื่อบุกชนะ 2-1 ในเกมนัดรีเพลย์ หลังจากที่เสมอกันแบบไร้สกอร์ที่ เมน โรด (สนามเหย้าเก่าของแมนฯ ซิตี้)

     หลังจากนั้น แมนฯ ซิตี้ ยังชนะในเกมรีเพลย์รอบ 4 เมื่อปี 1973 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะมาเอาคืนบ้างในการบุกถล่ม 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ปี 1988 ต้องขอบคุณ เรย์ เฮาจ์ตัน, เคร็ก จอห์นสตัน, จอห์น บาร์นส์ และ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์

      "เดอะ เร้ดส์" สามารถปราบพวกเขาได้อีกครั้งในเกมรอบ 5 ด้วยสกอร์ 4-2 เมื่อปี 2001 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทำให้พวกเขาคว้าทริปเบิลแชมป์ (เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูฟ่า คัพ) ตบท้ายในปี 2003 ลิเวอร์พูล บุกชนะ "เรือใบสีฟ้า" 1-0

     สำหรับครั้งนี้ผลออกมาจะเป็นยังไงเดี๋ยวก็ได้รู้กัน !!!

5. เกมหนักรออยู่เพียบ

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1391423518-594x594.jpg)

     ตอนนี้ คล็อปป์ ต้องคิดมากกว่าแค่เกมวันเสาร์นี้ เพราะหลังจบแมตช์กับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว พวกเขายังมีโปรแกรมมหาโหดรออยู่โดยเริ่มจากการทำศึก "แดงเดือด" รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกวันอังคารหน้า ตามด้วยเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ด้วย เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย.

     จากนั้นก็ต้องพบกับ "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัล ในรอบตัดเชือก ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ช่วงปลายเดือนเมษามหาสงกรานต์ ก่อนจะปิดท้ายเดือนแห่งความร้อนระอุด้วยการออกไปเยือน "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

     สำหรับข้อดีของโปรแกรมโหดส่งท้ายเดือนเมษายนก็คือพวกเขาได้เล่นใน แอนฟิลด์ 3 แมตช์ติดต่อกัน และนี่จะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับ "หงส์แดง" เนื่องจากฟอร์มการเล่นในบ้านของพวกเขาถือว่าสุดยอดอย่างมาก

     หาก คล็อปป์ แอนด์โค. สามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ การที่จะฝันถึงการคว้าแชมป์ 4 รายการในซีซั่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน