(https://static.siamsport.co.th/news/2022/05/05/news202205051348771.jpg)
ถือเป็นเกมที่เต็มไปด้วยดราม่ามากมายจริงๆ กับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อวันพุธที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพราะตอนแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำท่าว่าจะได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอยู่แล้ว แต่กลับมาเสีย 2 ประตูให้กับ เรอัล มาดริด ในช่วงท้ายเกมจนทำให้ต้องวัดกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ และหลังจากนั้น "ราชันชุดขาว" ก็มาได้เพิ่ม 1 ลูก จนทำให้พวกเขาได้เข้าไปเจอกับ ลิเวอร์พูล ในนัดชิงดำ
แน่นนอนว่าผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เกิดสถิติกับเกร็ดหลายอย่าง อาทิเช่น การที่ คาร์โล อันเชล็อตติ เป็นกุนซือที่ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดที่จำนวน 5 สมัย แต่มันยังมีสถิติกับเกร็ดอีกบางอย่างที่น่าสนใจเช่นกัน
- ฝันร้ายหวนคืนของ แมนฯ ซิตี้
ก่อนถึงวันพุธที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวจาก 10 นัด ที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องตกรอบน็อคเอาท์ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในสภาพที่พวกเขาเป็นฝ่ายชนะนัดแรกไปก่อน นั่นคือรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17 ที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ชนะ อาแอส โมนาโก 5-3 ในนัดแรก แต่ไปแพ้ 1-3 ในนัดสอง ก่อนที่ล่าสุดพวกเขาจะต้องเจอกับผลลัพธ์สุดชอกช้ำแบบนั้นอีกครั้ง
(https://static.siamsport.co.th/files/images/RMCT01.jpg)
- มาห์เรซ ทำได้
แน่นอน ช่วงที่ผ่านมา ริยาด มาห์เรซ มีทั้งวันที่เล่นได้ดีจนคู่ควรกับการได้รับคำชม และวันที่เล่นได้แย่จนแม้แต่ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตแข้ง แมนฯ ซิตี้ ยังออกมาตำหนิ แต่ผลงานจากนัดล่าสุดมันก็ทำให้เท่ากับว่าฤดูกาลนี้เขาทำประตูในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปได้ถึง 7 ประตู และเขาก็ถือเป็นนักเตะคนแรกของ "เรือใบสีฟ้า" ที่ทำประตูในเกมถ้วยบิ๊กเอียร์ต่อ 1 ซีซั่นได้ 7 ลูกขึ้นไป
(https://static.siamsport.co.th/files/images/RMCT02.jpg)
นอกจากนี้ ในฤดูกาล 2021-22 มาห์เรซ ก็ทำประตูให้กับ แมนฯ ซิตี้ จากการลงเล่นในทุกรายการไปรวมแล้วถึง 24 ลูกด้วยกัน และหากนับเฉพาะทีมจากเกาะอังกฤษแล้วล่ะก็ เขาก็ถือเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของซีซั่นนี้ เป็นรองแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำไป 30 ลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น
- เบล ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับ แกเร็ธ เบล หลังจากปีกชาวเวลส์กลายเป็นส่วนเกินของ มาดริด อย่างเต็มตัว ทั้งที่เขาเคยย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวสูงลิบถึง 100.8 ล้านยูโร โดยสาเหตุมันเป็นได้ทั้งการที่กุนซือแต่ละคนของ มาดริด เมินใช้งานเขาเอง ไปจนถึงการที่เจ้าตัวมักจะมีอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ จนแทบไม่เคยพร้อมช่วยทีมอย่างต่อเนื่อง
(https://static.siamsport.co.th/files/images/RMCT03.jpg)
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันกลายเป็นว่า เบล กำลังมีลุ้นที่จะเป็นนักเตะจากสหราชอาณาจกรคนแรกที่ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากถึง 5 หน หลังจากเขาเคยอยู่ในทีมชุดที่ได้จุมพิตถ้วยบิ๊กเอียร์เมื่อปี 2014, 2016, 2017 และ 2018 มาก่อน โดยหากนับแค่ปัจจุบัน เบล กับ ฟิล นีล อดีตฟูลแบ็กชาวอังกฤษของ ลิเวอร์พูล คือคนที่เคยได้แชมป์รายการนี้ในฐานะนักเตะมากที่สุดร่วมกัน
- เบนเซม่า ฮอตเกินพิกัด
ฤดูกาลนี้เป็นอีก 1 ซีซั่นที่ คาริม เบนเซม่า ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนหลายคนไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นฟอร์มแบบนี้จากคนที่มีอายุ 34 ปีเข้าไปแล้ว โดยการที่เขาทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ส่งผลให้ฤดูกาลนี้ดาวเตะชาวฝรั่งเศสมีส่วนร่วมกับการทำประตูโดยตรงรวมแล้วถึง 58 หนด้วยกัน แบ่งเป็น 43 ประตูกับ 15 แอสซิสต์ และในบรรดาลีกสูงสุดของทวีปยุโรปประจำซีซั่นนี้นั้น มันก็ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมีตัวเลขด้านนี้ดีไปกว่าเขา
(https://static.siamsport.co.th/files/images/RMCT04.jpg)
- มาดริด แพ้แต่ไม่เคยช้ำ
ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยกเลิกรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 และเปลี่ยนให้มันเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้ายตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เป็นต้นมา ซึ่งตลอดช่วงหลายฤดูกาลก่อนหน้านี้ไม่เคยมีทีมไหนเลยที่สามารถไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้โดยที่แพ้อย่างน้อย 1 นัดในแต่ละรอบ
(https://static.siamsport.co.th/files/images/RMCT05.jpg)
อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ มาดริด กลายเป็นทีมแรกที่สามารถทำอย่างนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ออกไปแพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-1 ในนัดแรก ก่อนจะกลับมาชนะที่บ้านของตัวเอง 3-1 ในนัดสอง, รอบก่อนรองชนะเลิศที่แพ้ เชลซี คาบ้านในนัดสอง 2-3 แต่ผลบุญจากการชนะ 3-1 ในนัดแรกทำให้ยังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศมาได้ ก่อนจะถึงรอบตัดเชือกที่พวกเขาออกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปก่อน 3-4 แต่ก็มาชนะ 3-1 ที่บ้านของตัวเองในนัดล่าสุด