(https://static.siamsport.co.th/news/2022/04/24/news202204242146550.jpg)
คริสเตียน พูลิซิช สวมบทซูเปอร์ซับกดประตูชัยในนาทีสุดท้ายพา เชลซี เฉือน เวสต์แฮม ที่เหลือผู้เล่น 10 คนแบบหืดจับ 1-0 โดยเกมนี้ จอร์จินโญ่ สังหารจุดโทษพลาดแบบไม่น่าให้อภัย ส่งผลให้ "สิงห์บลูส์" เก็บเพิ่มเป็น 65 แต้ม หนีห่าง อาร์เซน่อล อันดับ 4 เป็น 5 แต้ม และแข่งน้อยกว่าอีกหนึ่งนัด
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2565 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่าง เชลซี ทีมอันดับ 3 พบ เวสต์แฮม ทีมอันดับ 7 ของตาราง
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเชลซี พาทีมแพ้อาร์เซน่อลคาบ้าน 2-4 ในเกมล่าสุด เมื่อกลางสัปดาห์ เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 4 เกม โดยนัดนี้แนวรุกส่ง ติโม แวร์เนอร์ ออกสตาร์ตตัวจริงต่อเนื่องประสานงานกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เมสัน เมาท์น
ขณะที่ เดวิด มอยส์ กุนซือเวสต์แฮม พาทีมเสมอเบิร์นลี่ย์ 1-1 ในเกมล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 2 เกมแล้ว โดยนัดนี้มีการหมุนเวียนผู้เล่นบางตำแหน่ง หลังมีเกมยูโรปากลางสัปดาห์รออยู่ โดยดร็อปทั้ง มิคาอิล อันโตนิโอ, จาร์ร็อด โบเว่น และ เดแคลน ไรซ์ ไว้ที่ม้านั่งสำรอง
ครึ่งแรกเปิดฉากมาเป็น เชลซี ที่ครองเกมบุกใส่ได้มากกว่า และมาได้ทักทายหนแรกในนาทีที่ 8 จากจังหวะที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งหลุดเสาไกลไปนิดเดียว
จากนั้น นาที 18 เวสต์แฮม ได้โอกาสลุ้นบ้างเมื่อ เบนราห์ม่า ฉกบอลได้จาก อัซปิลิกวยต้า กลางสนาม แล้วลากเข้าเขตโทษไปกดด้วยขวา แต่ยังติดเซฟของ เอดูอาร์ เมนดี้
นาที 38 เชลซี ได้ลุ้นอีกหน เมสัน เมาท์น ไหลบอลให้ รูเบน ลอฟตัส ชีค ได้กดด้วยขวาในเขตโทษ แต่บอลไม่มีน้ำหนักไปเข้าซองของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้
ช่วงเวลาที่เหลือแม้ เชลซี จะเป็นฝ่ายครองเกมเหนือกว่า แต่แทบหาจังหวะเข้าไปลุ้นสกอร์แบบจะแจ้งไม่ได้เลย ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอ เวสต์แฮม 0-0
ครึ่งหลังเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 58 เชลซี ได้ลุ้นขึ้นนำเมื่อ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไหลบอลให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลากมากดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลไปแฉลบแนวรับ เวสต์แฮม ก่อนพุ่งไปเข้ามือของ ฟาเบียนสกี้
จากนั้นนาที 70 เวสต์แฮม ได้โต้กลับมาและเกือบขึ้นนำก่อนเมื่อ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ กระชากลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษแต่ไปติดเซฟของ เมนดี้ ก่อนจะตามซ้ำดาบสองก็ยังไม่ผ่านมือนายด่านชาวเซเนกัล
ถัดมานาทีเดียวกัน เชลซี ได้สวนกลับมาทันควัน และน่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อ เมสัน เมาน์ท ได้ตะบันเน้นๆในเขตโทษไปติดบล็อกแนวรับ เวสต์แฮม ก่อนจะกระดอนมาเข้าทางปืนของ ติโม แวร์เนอร์ ตามซ้ำดาบสองเน้นๆบอลไปเข้าข้างตาข่าย
นาที 74 มาร์กอส อลอนโซ่ เปิดจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ ติโม แวร์เนอร์ ยิงด้วยขวาแต่โดนไม่เต็ม ฟาเบียนสกี้ รับสบาย
เชลซี จัดการปรับทัพเปลี่ยนตัวรวดเดียว 3 คนส่งทั้ง โรเมลู ลูกากู, คริสเตียน พูลิซิช และ ฮาคิม ซิเย็ค ลงมาเล่นแทน ติโม แวร์เนอร์, รูเบน ลอฟตัส ชีก และ ไค ฮาแวร์ทซ์ ตามลำดับ
เชลซี ยังบุกใส่อยู่เป็นระยะ นาที 78 เมสัน เมาน์ท ลองปั่นด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลก็ยังไม่ตรงกรอบ
อย่างไรก็ตามนาที 85 เคร็ก ดอว์สัน ไปเจตนาดึง โรเมลู ลูกากู ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษให้ เชลซี ทันที พร้อมเช็ก VAR แล้วย้อนกลับมาแจกใบแดงแก่ ดอว์สัน แต่ทว่า จอร์จินโญ่ ที่รับหน้าที่สังหารยิงไปติดเซฟของ ฟาเบียนสกี้
แต่กระนั้น นาทีที่ 90 เชลซี ขึ้นนำจนได้ 1-0 จากจังหวะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ หลุดไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดเรียดมาที่หน้าปากประตูให้ คริสเตียน พูลิซิช กดด้วยซ้ายตามน้ำส่งบอลเสียบหน้าต่างเสาไกลเข้าไป
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี เอาชนะ เวสต์แฮม 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 65 แต้ม หนีห่าง อาร์เซน่อล อันดับ 4 เป็น 5 แต้ม และแข่งน้อยกว่าอีกหนึ่งนัด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี (3-4-1-2) : เอดูอาร์ เมนดี้ - รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, มาล็องก์ ซาร์ - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ - เมสัน เมาน์ท - ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์
เวสต์แฮม (4-2-3-1) : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - วลาดิเมียร์ ซูฟัล, เบน จอห์นสัน, เคร็ก ดอว์สัน, แอรอน เครสส์เวลล์ - โทมัส ซูเช็ค, เดแคลน ไรซ์ - จาร์ร็อด โบเว่น, มานูเอล ลันซินี่, ปาโบล ฟอร์นัลส์ - มิชาอิล อันโตนิโอ